รถไฟสายทักษิณารัถย์​ ตู้โดยสารรูปแบบมาตรฐานรถไฟจีน

รถไฟสายทักษิณารัถย์

เพิ่งเดินทางด้วยรถไฟขบวนที่ 31สายทักษิณารัถย์ ชั้น 2 กรุงเทพ ฯ-หาดใหญ่ ซึ่งยังนับว่าใหม่อยู่ ตู้โดยสารของรถขบวนนี้ผลิตในประเทศจีน ซึ่งก็เป็นรูปแบบมาตรฐานรถไฟจีนใช้อยู่ในประเทศจีนในขณะนี้
Picture of ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​
ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​

เผยแพร่: 30 ม.ค. 2560

แชร์บทความนี้
Picture of ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​
ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​

เผยแพร่: 30 ม.ค. 2560

แชร์บทความนี้

ผู้เขียนเคยเดินทางด้วยตู้โดยสารนอน ปักกิ่ง- ซินเกียง และ เซี่ยงไฮ้-ทิเบต ด้วยรถไฟจีนซึ่งมีลักษณะที่โครงสร้างพื้นฐานคล้าย ๆ กัน

หลังจากการเปิดให้บริการรถไฟใหม่ 4 สาย มีการตอบรับจากคนเดินทางที่น่าพึงพอใจ ผู้โดยสารในขบวนนี้เต็ม แสดงว่าลึก ๆ แล้ว คนยังมีศรัทธาต่อการรถไฟไทยอยู่ ถ้าชอบและคุ้มกับที่คาดหวังจะกลับมาแน่ ค่าโดยสารไม่แพงมากนัก ผู้เขียนซื้อตั๋วรถไฟสายทักษิณารัถย์ หัวลำโพง-หาดใหญ่ ที่สถานีบางเขนล่วงหน้าหลายวันตอนราวหนึ่งทุ่ม ชำระเงินด้วยเครดิตการ์ด ในคิวซื้อตั๋วมีคนมาซื้อตั๋วล่วงหน้าไปยังที่อื่น ๆ หลายคน สงสัยในใจอยู่ว่า ตอนนี้เราสามารถ เช่ารถ จองโรงแรม ซื้อตั๋วรถไฟ เรือ ฯลฯ ที่ประเทศอื่นล่วงหน้าทาง Internet ได้ แต่ทำไมการรถไฟไทย ต้องให้คนเสียเวลาเดินทางมาซื้อตั๋วที่สถานี
วันเดินทางได้ไปขึ้นรถไฟที่สถานีหัวลำโพง ที่ข้างตู้โดยสารมีป้ายอักษรไฟฟ้าบอกชื่อรถขบวนที่ 31 ลำดับตู้ที่ 9 ชัดเจน ไม่ต้องเพ่งหากันเหมือนตู้รถไฟรุ่นก่อน รถเข้ามาจอดที่ชานชาลาก่อนเวลาออกชั่วโมงกว่า ถ้าใครขึ้นรถเลย จะต้องเบียด และหลบชุลมุนกับพนักงานที่ต้องนำวัสดุบริการขึ้น เช่น ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ฯลฯ ซึ่งเขาจะทำเสร็จก่อนขบวนรถออกราว 45 นาที หากผู้โดยสารมาขึ้นช่วงที่เขาทำงานเสร็จแล้วจะสะดวกกว่า รถไฟน่าจะให้ข้อมูลเรื่องนี้
การนำสัมภาระขึ้นบนรถไฟเมื่อก่อนนั้น บางคนขนสัมภาระชิ้นใหญ่มาก แล้วไปวางเก็บไว้ตรงโน้นตรงนี้ได้ แต่รถไฟขบวนนี้ ดูแล้วเหมือนจะจำกัดพื้นที่ให้คนมีช่องว่างส่วนตัว คือที่ใต้ที่นั่งตนเองประมาณ 45x45x25 ซ.ม. ซึ่งก็เป็นที่ว่างใส่กระเป๋าลากขนาดกลางเท่านั้น ปรกติแล้วในตู้รถไฟต่างประเทศอย่าง Shinkansen ICE SR หากมีสัมภาระชิ้นใหญ่กว่าที่ใส่ใต้เก้าอี้ส่วนตัว จะต้องนำไปวางเก็บไว้ที่ช่องเก็บตรงหัว หรือท้ายตู้ของรถไฟ เมื่อได้ไปเดินดูแล้วก็เห็นว่า มีช่องที่เก็บสัมภาระชิ้นใหญ่เหมือนกันแต่ล็อคไว้ พนักงานบอกว่าเป็นที่เก็บผ้าห่มไว้ใช้ตอนขากลับ
กระเป๋าใบเดิมที่ผู้เขียนเคยใส่ใต้ที่นั่งรถไฟสาย Trans Siberia ได้พอดี แต่กลับใส่ใต้ที่นั่งรถไฟไทยไม่ได้ เพราะขนาดตู้โดยสารรถไฟไทยแคบกว่ารถไฟในยุโรป จีน ญี่ปุ่น อันเนื่องมาจากขนาดรางเราแคบกว่า ถ้าจะใส่กระเป๋าขนาดที่เคยใช้เดินทางในต่างประเทศใบนี้ได้ การรถไฟไทยก็ต้องเปลี่ยนความกว้างรางรถไฟทั่วประเทศเสียก่อน กระเป๋าจึงต้องยื่นล้นออกมาจากใต้เก้าอี้อยู่พอสมควร
ขบวนรถไฟนี้ แยกตู้รถผลิตกระแสไฟฟ้าไปไว้ต่างหาก 1 ตู้ ติดอยู่กับหัวรถจักร ทำให้ไม่มีเสียงรบกวนจากเครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าอยู่กับแต่ละตู้โดยสารเหมือนรถไฟรุ่นก่อน ความสั่นสะเทือนในขณะวิ่งนั้น ลดลงไปบ้างแต่จะให้นิ่งเหมือนกับรถไฟ เยอรมัน ญี่ปุ่น หรือแม้แต่ในจีนเองยังไม่ได้ รถไฟสายทักษิณารัถย์ไม่มีชั้น 3 แต่มีเฉพาะชั้น 2 และชั้น 1 จำนวนตู้โดยสารชั้น 2 มี 10 ตู้ และชั้น 1 อีก 1 ตู้อยู่ท้ายสุดขบวน โดยมีตู้เสบียงอยู่กลางขบวน ตู้ที่อยู่ติดกับตู้เสบียงนั้น จัดไว้ส่วนหนึ่งเป็นที่โดยสารสำหรับคนพิการ ซึ่งมีที่เก็บ Wheelchair ไว้ด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นข้อกำหนดการออกแบบยานพาหนะสากล ไม่ว่า เครื่องบิน เรือ รถไฟ รุ่นใหม่ไปแล้ว
การเดินผ่านระหว่างข้อต่อที่เชื่อมไปยังตู้อื่น และห้องเสบียงสะดวกมาก อันนี้ขอบอกว่าดีกว่ารถไฟในยุโรปหลายสาย ห้องน้ำเป็นระบบสุญญากาศเหมือนเครื่องบิน ทุกตู้โดยสารติดระบบปรับอากาศ ตั้งอุณหภูมิไว้ที่ 23ºC เย็นกว่าบนเครื่องบินเสียอีก ซึ่งส่วนมากจะอยู่ที่ 24ºC ติดเสื้อคลุมไปสักตัวก็ดี เวลานอนเขามีผ้าห่มให้บริการ ผ้าห่มซักจากร้านซักแห้งชื่อดัง บรรจุมาในถุงพลาสติกสนิทจากโรงงานซักแห้ง
ระบบ WiFi มีให้เฉพาะชั้น 1 และในห้องเสบียง ส่วนชั้น 2 ไม่มี WiFi คนยังเข้าใจผิดกันว่ามีให้ทุกที่นั่ง ปลั๊กชาร์จไฟมีให้ทุกที่นอน แต่เวลานั่งไม่ค่อยสะดวก เพราะต้องใช้ปลั๊กข้างล่างร่วมกับอีกคน เนื่องจากปลั๊กไฟสำหรับคนที่นอนชั้นบนถูกที่นอนงับปิดเอาไว้ ต้องขึ้นไปนอนค่ะจึงจะใช้ปลั๊กไฟของตัวเองได้
เส้นทางหัวลำโพง-หาดใหญ่ รถจอดระหว่างทาง 13 สถานี การซื้ออาหารหรือสินค้าตามสถานีเวลารถหยุดอย่างสมัยก่อนเช่น ไก่ย่างนครปฐม ข้าวเกรียบเพชรบุรี ฯลฯ เลิกไปเลยค่ะ เพราะตู้โดยสารเป็นตู้เปิดหน้าต่างไม่ได้ หากใครยังติดอารมณ์เดินทางแบบเดิมอยู่ เวลาถึงสถานีที่เคยมีอาหารขายเช่น ราชบุรี เพชรบุรี ก็ให้ไปที่ประตูใช้ความเร็วสักหน่อย เส้นหมี่น้ำในกล่องโฟมราคาชุดละ 10 บาท ถูกกว่าอาหารที่เนปาล
ส่วนอาหารบนรถไฟมีที่ตู้เสบียงเท่านั้น ประเภทอาหารที่ให้บริการก็มาตรฐานเดียวกับที่ร้านสะดวกซื้อ คือซื้อจากที่แสดงไว้ในเมนู เขาจะอุ่นให้ด้วยเตาไมโครเวฟ เราจะนั่งกินที่ตู้เสบียง หรือจะนำกลับไปกินที่นั่งของตัวเองก็ได้ ข้าวผัด กุ้ง-ปู ข้าวแกงเขียวหวาน ข้าวต้มปลา ฯลฯ ชุดละ 59 บาท น้ำดื่มขวด 500 ml 10-15 บาท น้ำกระป๋อง 25 บาท ฯลฯ ผู้โดยสารชั้นหนึ่งคนหนึ่งบอกว่า สั่งอาหารผ่านจอมายังตู้เสบียง ให้พนักงานนำไปบริการให้ถึงห้องตามที่โฆษณาไว้ไม่ได้ จึงต้องเดินมาซื้อเอง และต้องเดินไกลกว่าผู้โดยสารชั้น 2 เพราะตู้โดยสารชั้นหนึ่งเป็นตู้โดยสารอยู่ท้ายสุดขบวน

ที่นอนได้ราบ 180º เป็นจุดขายของรถไฟตู้นอน แต่นอนแล้วต้องตามมาด้วยที่นอนที่นอนหลับสบายด้วย เตียงนอนไม่กว้างมากนัก แต่ก็ไม่ว่ากัน แต่ผ้าม่านเตียงบนที่ผู้เขียนนอน จะปิดอย่างไรก็ปิดไม่สนิท ไฟในห้องโดยสารส่องลอดแนวม่านเข้าไปเข้าตาเวลานอนพอดี ทำให้รบกวนมาก การแก้ไขหากเปลี่ยนม่านใหม่การรถไฟทั้งหมดคงเสียค่าใช้จ่ายมาก แต่ถ้าพนักงานหรี่ไฟในห้องโดยสารลงเหลือ 1 ใน 4 ช่วงผู้โดยสารนอน คงช่วยได้พอสมควร หรือผู้โดยสารอาจต้องนำที่ปิดตามาเอง

ความเร็วรถไฟสามารถทำได้ถึง 120 กม./ชม. แต่ก็ทำได้ราว 90-100 กม./ชม. ใช้เวลาวิ่งถึงหาดใหญ่ราว 15 ชั่วโมง ต้องหยุดรอรถสวนในบางสถานี แต่ก็ถึงหาดใหญ่ตามเวลา การที่ผู้โดยสารเต็มทุกที่นั่งก็แสดงว่ายังมีคนรักการเดินทางโดยรถไฟ และรถไฟก็ยังมีจุดแข็งของตัวเองอยู่ เขียนมาให้ทราบถึงบางจุดที่ควรดูแลเพิ่มเติม ช่วยกันแก้ไขปัญหาและเดินหน้าต่อไป… ยังรักรถไฟไทยอยู่ค่ะ