เวลานั่งรถในเกาะฮอกไกโดออกไปนอกเมือง ก็เห็นทุ่งเกษตรที่ดูแล้ว ทั้งภูมิประเทศ และภูมิอากาศคล้ายกับยุโรป เพราะก็อยู่ในแนวเส้นรุ้งเดียวกับยุโรปตอนกลาง พืชพันธ์ุธัญญาหารบนแผ่นดินที่นี่ อุดมสมบูรณ์และมีสีสันไม่ต่างจากฝรั่งเศส ผู้เขียนคิดว่า หากไม่มีเกาะฮอกไกโดอาหารญี่ปุ่นจะไม่อร่อยเหมือนอย่างที่เป็นอยู่แน่นอน หรือถ้าลบเกาะฮอกไกโดออกจากแผนที่ญี่ปุ่นไปแล้ว ญี่ปุ่นจะขาดเนื้อหาแห่งความอิ่มเอมจนโหวงเหวงไปเลยทีเดียว
ว่าตามจริง การเกษตรญี่ปุ่นทั่วประเทศ ก้าวหน้ามากอยู่แล้วในรูปแบบของตนเอง ญี่ปุ่นปลูกพืช และใช้พื้นที่เพาะปลูกอย่างคุ้มค่า ที่ว่าง ๆ ข้างบ้านคนญี่ปุ่นไม่กี่ตารางเมตร เขาก็ปลูกโน่นนี่สารพัด เช่นปลูก เผือก ส้ม พลับ เกาลัด ฯลฯ ผลผลิตที่มาวางขายตามข้างทางบางแห่งนั้น ไม่ได้มาจากแหล่งกสิกรรมในพื้นที่ใหญ่เลย แต่มาจากพื้นที่ว่างข้างบ้าน ตอนเช้าที่เราขับรถผ่านหมู่บ้าน ซึ่งปลูกส้มในเกาะฮอกไกโด เห็นคนนำส้มใส่ถุงตาข่ายมาวางไว้ที่เพิงเล็ก ๆ มีหลังคาซึ่งปลูกไว้ที่ข้างถนน มีป้ายติดไว้ที่เพิงบอกว่าส้มราคาถุงละเท่าใด เช่น 400 หรือ 500 เยน แล้วก็วางกล่องใส่เงินไว้ ไม่ต้องมานั่งขาย ใครขับรถผ่าน อยากจะซื้อส้มก็จอดรถแวะลงไปหยิบถุงส้ม แล้วใส่เงินไปในกล่อง ตกเย็นเจ้าของก็มาเก็บเงินกลับบ้าน
อาหารหลัก และสำคัญของคนญี่ปุ่น คือข้าวพันธุ์ Japonica ซึ่งเป็นข้าวเมล็ดสั้น มีความเหนียวเล็กน้อย คนญี่ปุ่นปลูกข้าวขนิดนี้เป็นหลัก ทั้งนำมาหุงกิน และอาจแปรรูปไปเป็น เหล้าสาเก ขนมโมจิ และแป้งทำขนมกรุบกรอบต่าง ๆ คนญี่ปุ่นให้คุณค่าของการผลิตข้าวมาก เพราะเป็นอาหารหลักของคนทั้งชาติ ซึ่งการปลูกข้าวของคนญี่ปุ่นนั้น ในส่วนที่ผลิตข้าวในที่นา หรือเกษตรกรรมแปลงใหญ่ก็จะมีอยู่ทั่วไปทั้งประเทศ แต่ที่น่าสังเกตนั้นคือ การผลิตข้าวในพื้นที่เล็ก ๆ ของคนญี่ปุ่นก็มีกระจายอยู่ทั่วไป เราจะเห็นคนญี่ปุ่นปลูกข้าวตามซอกตึก หรือที่ว่างข้างบ้านในเมืองใหญ่ ๆ แม้ในพื้นที่เพียง 20 ตารางเมตรเขาก็ปลูกข้าวไว้กินได้ ถึงฤดูเก็บเกี่ยวจะมีรถเกี่ยวข้าวและสีข้าวคันเล็ก ๆ ไปสีข้าวตามซอกซอย ส่วนฟางข้าวก็ปั่นให้เป็นปุ๋ยให้เน่าเปื่อยไม่เผาทิ้งเหมือนบ้านเรา