Totora ที่ Titicaca ทะเลสาบ Titicaca สูงกว่าระดับผิวน้ำทะเลถึง 3.8 กม.

บทความพิเศษ

Totora ที่ Titicaca

Totora ที่ Titicaca

เทือกเขาแอนดีสในอเมริกาใต้ เป็นโรงงานผลิตน้ำจืดขนาดใหญ่ของโลก ธารน้ำจากหิมะละลายที่ไหลจากแอนดีสไปทางตะวันตก จะลงมหาสมุทรแปซิฟิกได้ง่าย

Picture of ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​
ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​

เผยแพร่: 20 มี.ค. 2560

แชร์บทความนี้
Picture of ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​
ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​

เผยแพร่: 20 มี.ค. 2560

แชร์บทความนี้

แต่ธารน้ำที่ไหลไปในภาคพื้นทวีปทางตะวันออก ต้องใช้เวลานานกว่าจะเดินทางไปถึงฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก

น้ำปริมาณมากตกค้างอยู่ตามแอ่งในแผ่นดิน กลายเป็นทะเลสาบมากมาย ทำให้ทวีปอเมริกาใต้มีชีวมณฑลที่เป็นลักษณะจำเพาะของตัวเองขึ้น มีแม่น้ำ 27 สาย จากหิมะละลายที่เทือกเขาแอนดีสไหลมามาขังอยู่ในแอ่งทะเลสาปแห่งหนึ่ง คนพื้นเมืองเรียกทะเลสาปแห่งนี้กันว่า Titicaca
ทะเลสาบ Titicaca เป็นหนึ่งในทะเลสาปที่อยู่สูงเหนือระดับผิวน้ำทะเล ความจริงแล้วทะเลสาปที่มีความสูงเหนือกว่าระดับผิวน้ำทะเล ในยุโรป ในเอเชียกลาง ก็มีตั้งหลายแห่ง แต่ Titicaca คือทะเลสาบที่อยู่สูงกว่าระดับผิวน้ำทะเลมากที่สุด คือระดับผิวน้ำของทะเลสาบ Titicaca สูงกว่าระดับผิวน้ำทะเลถึง 3.8 กม. สูงกว่ายอดดอยอินทนนท์ของเราอีก
ทะเลสาบ Titicaca ยังมีขนาดใหญ่มาก คือด้านยาวสุด 190 กม. กว้างสุด 80 กม. ลึกเฉลี่ย 107 ม. ลึกสุด 281 ม. ระดับน้ำในทะเลสาบ Titicaca แตกต่างกันอยู่ที่ราว 2.5 ม. อันเนื่องมาจากปริมาณฝนตกและหิมะละลาย ลองใช้มือจุ่มลงไปในทะเลสาปจึงรู้ว่าอุณหภูมิของน้ำเย็นมาก ตัวเลขอยู่ที่ราว 14ºC หากเป็นน้ำที่ก้นทะเลสาปจะอยู่ที่ราว 11ºC ไม่น่าจึงไม่เห็นคนเล่นน้ำที่ทะเลสาบ Titicaca
ทะเลสาบ Titicaca วางตัวอยู่ระหว่างประเทศเปรูและโบลิเวีย คนทั้ง 2 ประเทศในบริเวณรอบทะเลสาปคือชาวไอยมารา (Aymara) มีวัฒนธรรมร่วมกัน ส่วนชาวอินคาดั้งเดิมนั้นคือ ชนเผ่าเคชัว (Quechua) ก็เคยมีหลักแหล่งบริเวณทะเลสาป Titicaca ก่อนที่จะขยับขึ้นไปสร้างความยิ่งใหญ่ทางตอนเหนือ ถึงประเทศเอกัวดอร์
วัฒนธรรมในอดีตของคนสมัยก่อนที่นี่ ยังมีร่องรอยที่เก็บมัมมี่และการบูชาพระอาทิตย์ตามความเชื่อเดิม ปริมาณนักท่องเที่ยวที่ Titicaca ไม่มากเหมือนกับที่ Machu Picchu ซึ่งที่ Machu Picchu นักท่องเที่ยวแน่นมากจน UNESCO ต้องบอกให้เปรูลดปริมาณนักท่องเที่ยวลง เปรูจึงพยายามดิ้นรนให้นักท่องเที่ยวไหลเข้าไปยังพื้นที่อื่น ๆ เช่นพยายามให้นักท่องเที่ยวมาทะเลสาป Titicaca ให้มากขึ้น

เปรูสร้างเนื้อหาให้น่าสนใจในพื้นที่ต่าง ๆ ในประเทศเพราะถ้าไม่ทำให้มีเนื้อหาขึ้นมา การท่องเที่ยวก็จะไม่เกิด เช่นการท่องเที่ยวที่ทะเลสาบ Titicaca หากให้นักท่องเที่ยวมาเพียงเห็นทะเลสาบ นั่งเรือเล่นในทะเลสาบ ได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกแล้วก็กลับ ก็จะได้ไปแค่นั้น แต่เปรูก็สามารถสร้างหัวข้อการท่องเที่ยวในแนว… คนกับธรรมชาติ (Man and Nature)ได้ชัดเจน และน่าศึกษา

การขายการท่องเที่ยวในหัวข้อนี้จะทำได้ดี ในพื้นที่อนุรักษ์ และเป็นแนวทางที่ UNESCO สนับสนุน ซึ่งในการจัดการต้องควบคุม ไม่ปรุงแต่งให้บิดเบือนไปจากความจริงโดยรวม หากใครเคยไปที่หมู่บ้าน Shirakawa-go ที่ญี่ปุ่นจะเห็นเขาจัดให้เป็นเมืองที่คนอยู่ผสมผสานกับวัฒนธรรมพื้นบ้านในธรรมชาติอย่างกลมกลืน เปรูก็ทำเป็นทำนองนั้นค่ะ ผู้เขียนยังนึกว่าที่เมืองไทยเราก็สามารถทำได้หลายพื้นที่ ชนเชื้อสาย Aymara มาอยู่ที่รอบ ๆ ทะเลสาบ Titicaca และได้พัฒนารูปแบบที่พึ่งพิงกับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืนมาเรื่อย ๆ เราเห็นทะเลสาบ Titicaca เป็นผืนน้ำสีน้ำเงินเข้มโล่งเรียบแต่ความจริงแล้วมันเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่มี สัตว์น้ำ สัตว์ปีก และมีพืชตามริมฝั่งอยู่บ้าง ก็ถือว่าเป็นพื้นที่ ๆ เอื้อให้ มนุษย์ดำรงชีพได้
พืชที่สำคัญอย่างมากชนิดหนึ่ง ที่งอกงามอยู่ในบริเวณน้ำที่ไม่ลึกนักของที่นี่คือ ต้นกก Totora ค่ะ ต้นกก Totora เป็นตัวประกอบหลักในการสร้างห่วงโซ่อาหารและที่อยู่อาศัย และมีประโยชน์ใช้สอยได้มากเกินคาดอย่างไม่น่าเชื่อ ประโยชน์ของต้นกกในธรรมชาติที่เรารู้จักกันมาบ้างนั้นคือ ชาวอียิปต์โบราณนำไปทำเป็นกระดาษปาปีรุส แต่ที่คนคิดไม่ถึงนั้น เมื่อ ค.ศ. 1947 Thor Heyerdahl นักมานุษยวิทยาชาวนอร์เว ได้นำต้นกก Totora ไปทำแพติดเสากระโดงและกางใบ ตั้งชื่อว่า Kon Tiki ซึ่งเป็นชื่อเดิมของสุริยเทพ Viracocha ของชาวอินคา แล่นจากทวีปอเมริกาใต้ข้ามมหาสมุทรแปซิฟิก ไปยังหมู่เกาะโพลินีเชียนได้สำเร็จ ทำให้เกิดทฤษฎีการย้ายถิ่นฐานของมนุษย์ขึ้นมาใหม่
และครั้งนี้เราได้มาเห็นความน่าทึ่งของต้นกก Totora ด้วยตาตัวเองในทะเลสาป Titicaca ซึ่งคนพื้นเมืองจำนวนหนึ่งได้นำมาทำเป็นแพลอยน้ำขนาดใหญ่แล้วย้ายกันลงไปอยู่ในแพต้นกก วิธีการทำแพไม่ได้ซับซ้อน เพียงแต่ตัดต้นกก Totora ที่มีอยู่มากตามริมทะเลสาป Titicaca มาถมซ้อนกันจนหนาพอที่จะลอยน้ำจนกลายเป็นแพขึ้น และตัดมาถมทับอย่างต่อเนื่องทุกวัน ๆ เพื่อทดแทนต้นกกรุ่นก่อนที่อยู่ข้างล่างซึ่งเน่าเปื่อยไปเรื่อย ๆ ในที่สุดจาก “แพต้นกก” ก็ดูเป็น “เกาะต้นกก” ค่ะ “เกาะต้นกก” มีบริเวณกว้างใหญ่ราวครึ่งสนามฟุตบอล รับคนได้เป็นร้อยก็ไม่จม มันมหัศจรรย์จริง ๆ ค่ะ
จากนั้นครอบครัวใหญ่ได้ลงมาอยู่บน “เกาะต้นกก” ในทะเลสาป Titicaca ชีวิตของพวกเขาน่าจะสุขสบายไปอีกแบบ เพราะพวกเขามาอยู่ในพื้นที่แหล่งอาหาร ไม่ต้องล่องเรือไปจับปลา แต่ใช้วิธีการเจาะแพส่วนหนึ่งเป็นสระหรือบ่อเลี้ยงปลาแล้วขึงตาข่ายกั้นไว้ข้างใต้เพื่อกันปลาหนี จึงสามารถจับปลาที่เลี้ยงไว้กินเมื่อไหร่ก็ได้ นอกจากนั้นก็ดักนก Coot ซึ่งเป็นนกที่มีมากในทะเลสาบ Titicaca มาใส่กรงขังบน “เกาะต้นกก” ไว้กินเหมือนไก่/เป็ด และใช้ต้นกกตากแห้งเป็นฟืนหุงอาหาร
ต้นกก Totora ที่มัดรวมกันทำอะไรได้สารพัด โดยเฉพาะการทำบ้านพักบนแพ และนำไปผูกทำเป็นเรือรูปร่างแปลก ๆ นี่คือการท่องเที่ยว วิถีคนกับธรรมชาติ ที่ทะเลสาบ Titicaca จากต้นกก ซึ่งอาจเรียกว่าเป็นวัชพืชริมทะเลสาบ Titicaca แท้ ๆ มันกลายเป็นเรื่องเป็นราวของ Man and Nature ที่ชัดเจนจริง ๆ เห็นแล้วก็ยังงง ๆ อยู่ถึงวันนี้เลยค่ะว่า เขาทำกันได้ยังไง…