กำแพงเมืองจีนที่...ซือหม่าไถ​ ฝรั่งชอบพูดว่า 'กำแพงเมืองจีน

กำแพงเมืองจีนที่...ซือหม่าไถ

” ฝรั่งชอบพูดว่า ‘กำแพงเมืองจีนเป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องเห็นก่อนตาย’
อย่าว่าแต่ฝรั่งเลยค่ะ ใครไปจีนจะต้องไปกำแพงเมืองจีน “

Picture of ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​
ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​

เผยแพร่: 07 ส.ค. 2560

แชร์บทความนี้
Picture of ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​
ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​

เผยแพร่: 06 ก.พ. 2560

แชร์บทความนี้

จีนดูแลรักษากำแพงแห่งประวัติศาสตร์นี้ไว้สุดชีวิต เพราะนอกจากเป็นบันทึกแห่งอดีตแล้วยังเป็น แม่เหล็กดูดเงินในภาคการท่องเที่ยวปีละมหาศาล

กำแพงเมืองจีน สร้างขึ้นเมื่อราว 2200 ปีก่อน มีความยาวสองหมื่นกว่ากิโลเมตร อยู่ในพื้นที่ 9 มณฑลของปัจจุบัน การสร้างกำแพงเมืองจีน เกิดขึ้นโดยวัตถุประสงค์หนึ่ง เพื่อไว้ป้องกันข้าศึกทางเหนือ โดยเฉพาะพวกมงโกล ซึ่งลงมาสร้างความรำคาญให้จีนมาก แต่เอาเข้าจริง ๆ กำแพงเมืองจีน และการโรยตะปูเรือใบก็ป้องกันมงโกลไม่ได้

ต้น ศ. 13 มงโกลยิ่งใหญ่มาก ออกเดินทางลงมาบุกจีน และไปบุกยุโรป ทำให้จีนเสียอธิปไตยให้พวกต่างชาติครั้งแรก แล้วพวกมงโกลเข้ามาสถาปนาราชวงศ์หยวนขึ้นปกครองจีน แต่ราว 500 ปีที่แล้ว จีนสามารถขับพวกมงโกลออกไปได้ ราชวงศ์หยวนก็สิ้นสุดลง แล้วราชวงศ์หมิงของจีนก็ปกครองต่อมา สิ่งหนึ่งที่ราชวงศ์หมิงทำหลังจากขับพวกมงโกลออกไปได้แล้ว คือการบูรณะกำแพงเมืองจีน ไว้ป้องกันพวกมงโกลอีกครั้ง

การบูรณะก็ทำได้ดีในบางส่วน ซึ่งก็ไม่สมบูรณ์ทั้งหมดเหมือนอดีต ล่วงเลยมาถึงปัจจุบัน กำแพงเมืองจีนก็ทรุดโทรมลงไปอีก โดยเฉพาะเมื่อผนังหินทลายดิน ซึ่งถูกอัดอยู่ข้างในก็พังตามออกมา ปัจจุบันทางการจีนบูรณะกำแพงเมืองจีนไว้ เพื่อการท่องเที่ยว และเป็นการแสดงอดีตที่ยิ่งใหญ่ของประเทศไว้หลายจุด โดยเลือกจุดที่มีลักษณะเด่น และมีภูมิประเทศแตกต่างกัน

จุดที่นักท่องเที่ยวไปเที่ยวชม มีอยู่ราว 5 จุด ส่วนใหญ่อยู่ที่ปักกิ่ง ต้องนั่งรถขึ้นไปทางทิศเหนือ ใครจะไปเที่ยวที่จุดไหน ต้องศึกษาเสียก่อน เพราะมีความแตกต่างกัน ใช้เวลาไม่เท่ากัน ระยะทางไม่เท่ากัน ค่าใช้จ่ายไม่เท่ากัน

ครั้งแรกที่ผู้เขียนไปเที่ยวกำแพงเมืองจีน ไม่ได้จดชื่อจุดที่ไปเที่ยวไว้ คิดว่าน่าจะเป็นที่ จูหยงกวน (Juyongguan) เพราะใช้เวลาเดินทางไม่นาน แต่ครั้งหลังสุดนี้ จดชื่อไว้กันลืมว่าคือจุดที่ชื่อ….ซือหม่าไถ (Simatai) ที่เมืองกู๋เป่ย์ คนไปเที่ยวที่จุดนี้ไม่มากค่ะ เพราะไกล แต่จุดที่ไกลออกไปกว่ากู๋เป่ย์ ก็ยังมีอีกนะคะ

เมืองกู๋เป่ย์ มีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ไหลจากเขื่อนมาผ่านเมือง การท่องเที่ยวจีนเรียกเมืองนี้ง่าย ๆ ว่า Gubei Water Town หรือ W Town จีนเปิดพื้นที่ให้ขึ้นไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนที่กู๋เป่ย์ เรียกว่าจุดซือหม่าไถ (Simatai) มานานแล้ว แต่อยู่มาวันหนึ่ง… จีนคิดใหม่ จีนตัดสินใจ รื้อเมืองกู๋เป่ย์ทิ้ง และออกแบบแนวคิด และสร้างเมืองกู๋เป่ย์ใหม่หมด ให้เป็นเมืองที่แม้อยู่ไกล แต่เป็นเมืองริมน้ำ มีทุกอย่างทันสมัยและดีเลิศ รวมทั้งติดตั้งระบบรถกระเช้าใหม่ นำคนขึ้นไปส่งที่ใกล้ตัวกำแพงเมืองจีน สะดวกไม่แพ้ที่สวิสฯ

จีนทำกู๋เป่ย์ หรือ W Town  โดยได้แนวคิดมาจาก เมืองริมน้ำหวู่เซิ่น Wuzhen ที่เซี่ยงไฮ้ ออกแบบภายในตัวเมืองกู๋เป่ย์ หรือ W Town ให้เป็นเมืองศิลปวัฒนธรรม กำหนดให้เป็นเมืองสำหรับเดินเที่ยว โดยวางเส้นทางให้คนเดิน ลื่นไหลไปตามตำแหน่งต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลิน บ้านเรือน และอาคารมีสถาปัตยกรรมจีนหลากหลาย เหมือนกับเป็นเมืองโบราณ ทั้งบ้านอยู่อาศัย ร้านค้า ร้านอาหาร ประตูย่านสำคัญ ทำให้คนมาเที่ยวเมืองจีนสามารถ เรียนรู้จีนราวกับได้เดินเข้าไปโรงงิ้วทีเดียว

W Town ไกลจากปักกิ่ง ต้องออกเดินทางจากปักกิ่งตั้งแต่ 6 โมงครึ่งตอนเช้า นั่งรถราว 3 ชม. เดินทางไปกลับรวมแล้วก็ราว 6 ชั่วโมง ตอนกลับมาถึงปักกิ่งนั้นค่ำแล้ว มีแต่ร้านเป็ดปักกิ่งที่ตรงข้ามโรงแรมเปิดรอเราอยู่ จึงทำให้รู้ว่าเป็ดปักกิ่งที่ปักกิ่งนั้นสุดยอด

ไปเที่ยวกำแพงเมืองจีนเหนื่อยค่ะ แต่ก็ทำให้เห็นได้ว่า จีนมีความคิดโลดแล่น และวางแนวคิดเพื่อใช้กำแพงเมืองจีน ไม่เพียงแต่เป็นมรดกโลก หรือแค่เป็นสิ่งตกค้างทางประวัติศาสตร์ แต่จีนกำลังใช้กำแพงเมืองจีนที่ W Town แสดงตัวตน และสร้างโมเดลทางการท่องเที่ยวของตนใหม่

จีนสร้าง W Town เมืองที่เหมือนกับโชว์รูมการท่องเที่ยวที่ทันสมัย และอยู่ในกฎเกณฑ์ที่สอดคล้องกับการรักษามรดกโลก ตามที่ UNESCO กำหนดกฎเกณฑ์ไว้ และมีบูรณาการมาก คือทำอย่างเดียวแต่ให้ได้ผลหลายอย่าง และหวังผลในทาง PR อย่างเห็นได้ชัด การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในจีนรวดเร็ว เพราะการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

W Town หรือ Water Town มีผังเมือง ให้เป็นเมืองที่มีชีวิตคู่กับน้ำ ล่องเรือชมเมืองได้ มีขุนเขาวางตัวเป็นมังกรอยู่เป็นฉากหลัง เป็นพื้นที่ตั้งเมืองในลักษณะฮวงจุ้ยที่ดี และเป็นเมืองให้อาบน้ำแร่ด้วย หากใครมาพักโรงแรมที่ W Town จะใช้ชีวิตพักผ่อนแบบผ่อนคลาย

การขึ้นไปเที่ยวบนกำแพงเมืองจีน ตรงจุดที่ซือหม่าไถ เมื่อนั่งรถกระเช้าขึ้นไปแล้ว ก็จะเดินต่อไปขึ้นเนินกำแพงอีกราว 200 เมตร จากนั้นก็ขึ้นไปบนกำแพงซึ่งเขาซ่อม และบูรณะไว้ให้เราเดิน 5.6 กม. โดยจะหากเดินไปทางตะวันตกจะมีป้อมเป็นระยะอยู่ 19 ป้อม ทางตะวันออก 16 ป้อม (แค่ 2 ป้อมก็จะตายแล้วค่ะ)

ช่วงที่นั่งหยุดพักเหนื่อย และมองซากกำแพงไกลออกไปสุดลูกหูลูกตา ทำให้เห็นกำแพงเมืองจีนเหมือนกับวัตถุพยาน ที่บอกเราว่า แม้จะสร้างกำแพงเมืองให้สูง และหนาสักเท่าใด แต่หากไม่บำรุงกองทัพ และสร้างความเข้มแข็งทางทหาร และเศรษฐกิจ ให้เหนือกว่าผู้อื่นแล้ว กำแพงที่ยิ่งใหญ่อย่างนี้ก็ไร้ค่า บทเรียนที่จีนถูกสอนโดยพวกมงโกล และชาติตะวันตก รวมทั้งญี่ปุ่น และอเมริกา ทำให้จีนไม่ปล่อยให้ตัวเองอ่อนด้อยเรื่องแสนยานุภาพ และเศรษฐกิจเด็ดขาด (เพราะฉะนั้น… ท่านจึงควรซื้อเรือดำน้ำไว้)

กำแพงเมืองจีนที่ซือหม่าไถ และ W Town ให้สิ่งชวนคิดได้มากมาย ในบรรยากาศแบบ Slow Life ที่ก็ไม่แออัดเหมือนกับการไปขึ้นกำแพงเมืองจีนที่จุดอื่น หายเหนื่อยแล้วลุกขึ้นเดินต่อ กำแพงเมืองจีนที่ซือหม่าไถ บางช่วงค่อนข้างอันตราย เพราะไม่มีผนังกำแพงข้างกั้นไว้ เนื่องจากพังไปหมดแล้ว ใครเป็นนักเซลฟี่ต้องระวังให้มากนะคะ ถอยไปถอยมาหงายหลังลอยละล่อง หล่นกำแพงเมืองจีนไปพิการหรือตายได้ ถึงจะหวาดเสียว แต่ก็ชอบกำแพงเมืองจีนตรงจุดที่ชื่อซือหม่าไถ เพราะชวนให้คิดอะไรได้เยอะดีค่ะ…