บทความพิเศษ
จุดแข็งของรถไฟ
เผยแพร่: 06 ก.พ. 2560
เผยแพร่: 06 ก.พ. 2560
จินตนาการไว้ได้เลยว่า หลังจากโครงการเหล่านี้เสร็จ และเข้าสู่ระบบการใช้งานโดยสมบูรณ์ การเดินทาง และการขนส่งในประเทศไทยจะเปลี่ยนโฉมไปอย่างมาก ใครมองภาพนั้นออก จะสามารถวางแผนการใช้ชีวิตล่วงหน้า ได้เหมาะสมขึ้นกับหลายอย่างที่จะเปลี่ยนไป รถไฟไทย ที่เหมือนกับเป็นเด็กขาดสารอาหารมาตั้งแต่ สงครามโลกครั้งที่ 2 และ 40 ปี หลังมานี้ กลายเป็นองค์กรที่แทบไม่ขยับเลย มีทั้งข่าวตกราง และตกใจให้เราได้ยินอยู่บ่อยมากจนชิน แต่หากรัฐบาลให้ความสำคัญอย่างนี้ ก็น่าจะเปลี่ยนภาพลักษณ์รถไฟได้เสียที
เพราะจีน เวียดนาม มาเลเซีย ได้จัดเส้นทางการเดินทางขนส่งทางราง ที่พร้อมจะเชื่อมกับเราไว้หมดแล้ว เราต้องสร้างระบบคมนาคม เพื่อเชื่อมกับข่ายเส้นทางในกลุ่มเศรษฐกิจ CLMVT ที่จะรอช้าอีกไม่ได้ จุดแข็งของการคมนาคมทางรถไฟนั้น หากทำให้ดีแล้ว รับรองว่าการขนส่งอย่างอื่นจะต้องตัวร้อนไปตาม ๆ กัน จุดที่แข็งที่สุดของรถไฟนั้นคือ… สถานีรถไฟหลัก จะตั้งอยู่ใจกลางเมือง
เวลาจะไปต่างประเทศสิ่งที่ต้องทำ คือ ต้องศึกษาแผนที่เมืองที่จะไป เพื่อดูขนาดของเมือง และดูว่าอะไรอยู่ตรงไหน เพื่อการจะใช้ชีวิตในเมืองต่าง ๆ ที่ต่างประเทศให้ง่าย และจุดสำคัญที่สุด ที่ผู้เขียนต้องทำความรู้จัก และให้ความสนใจก่อนอื่นมีอยู่ 2 ตำแหน่ง คือ Zentrum (Centrum) และ Central (Station) Zentrum (Centrum) ก็หมายถึง Center หรือใจกลางเมือง หลักกิโลเมตรที่ 0 ของเมืองจะนับจากที่นั่น
Zentrum มีความสำคัญขึ้นมาก ตั้งแต่ปลายยุคกลางในยุโรปเป็นต้นมา ซึ่งมักเป็นที่ตั้งของ ศาลากลาง โบสถ์ ตลาด จตุรัสกลางเมือง ที่คนมามีกิจกรรมร่วมกัน มาพบปะสังสรรค์กัน เป็นที่ประกาศโองการต่าง ๆ เป็นที่ประจาน หรือตัดคอนักโทษ ฯลฯ บริเวณ Zentrum กลายเป็นย่านเศรษฐกิจชัดเจนขึ้น การเติบโตของเมือง จะเริ่มกันมาจากบริเวณ Zentrum และ Zentrum ก็กลายมาเป็นพื้นที่ที่สำคัญต่อชีวิตคนเมืองนั้น
เมื่อมาถึงยุคการปฏิวัติอุตสาหกรรม มีสิ่งที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้น คือ การตั้งสถานีรถไฟขึ้นในเมือง ต่อมาก็จะกลายเป็นสถานีหลักของเมือง และจะเรียกเป็น Central Station ก็มีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น Centralle Centrum Centraal Central ในแต่ละภาษา เมืองส่วนมากจะวางตำแหน่งของ Central Station ไว้ในบริเวณ Zentrum หรือไม่ไกลจาก Zentrum
จากนั้นการเติบโตของ Zentrum กับ Central Station จะเดินหน้าคู่กัน การวางตำแหน่งของ Central Station ไว้ในบริเวณ Zentrum นี่แหละค่ะ คือจุดแข็งจุดแรกของรถไฟ เพราะจากนั้นบริเวณที่ติดกับ Central Station เขาก็จะวาง รถราง รถไฟฟ้า รถเมล์ รถใต้ดิน ให้วิ่งกระจายออกไปยังทิศทางต่าง ๆ ทั้งในตัวเมือง และออกไปยังชานเมือง หรือวิ่งต่อไปยังเมืองอื่น
ตัวอย่างเช่น ในเยอรมนีที่ Frankfurt (Main) Hauptbahnhof หรือในสวิสที่ Zürich Hauptbahnhof และตามหัวเมืองอื่น ๆ จะใช้หลักการนี้เคร่งครัดมาก เพราะฉะนั้นการเดินทางเชื่อมต่อโดยรถไฟเมื่อมาจากเมืองหนึ่งมาถึงอีกเมืองหนึ่งแล้วจะต่อด้วยรถราง หรือรถชานเมืองกลับบ้านเป็นเรื่องที่ง่ายสุด ๆ ประหยัดเงิน เวลา และไม่ต้องเดินทางไกล เพื่อออกไปยังสนามบิน ตรงนี้แหละค่ะหากรถไฟความเร็วสูงที่บ้านเราเกิดขึ้น และรถชานเมืองเต็มระบบเสร็จเรียบร้อยเมื่อใด การเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูงจะเข้ามาแย่งตลาดเครื่องบินทันที
รถไฟความเร็วสูง นั้นช้ากว่าเครื่องบินหน่อยเดียว แต่ก็ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไป-กลับ สนามบินได้มากกว่า ขั้นตอนการขึ้นรถไฟ ต่อไปจะซื้อตั๋ว Online จากร้านสะดวกซื้อ หรือจากตู้ขายตั๋วที่สถานี ที่จ่ายด้วยเครดิตการ์ดหรือเงินสดได้ ไม่ต้องไปเสียเวลากับระบบ Check-in เหมือนกับการไปขึ้นเครื่องบิน หากซื้อตั๋วล่วงหน้าไว้แล้ว มาถึงชานชาลาก็ไปขึ้นรถไฟได้ทันที
ต่อไปนี้ก็จะเป็นทางเลือกที่สูสีกันแล้วล่ะค่ะ ว่าจะไปเครื่องบิน หรือจะไปรถไฟความเร็วสูง การเดินทางข้ามทวีปยาน พาหนะหลักคงยังเป็นเครื่องบิน แต่การเดินทางในประเทศ หากมีเครือข่ายการเดินทางโดยรถไฟง่ายและลื่นไหล ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟธรรมดา ที่สามารถเชื่อมโยงการเดินทางกับ รถราง รถไฟฟ้า รถใต้ดิน เรือ ได้อย่างไร้รอยต่อนั้น คนที่ไม่ชอบรถไฟอาจต้องคิดใหม่ค่ะ