แม้การคัดเลือกพนักงานปัจจุบัน ให้น้ำหนักไปที่คนที่ทำอะไรได้เร็ว และแม่นยำเป็นหลัก แต่หลายองค์กรได้นำการตรวจสอบผู้ที่มาสอบ ที่ใช้ชีวิตสัมพันธ์กับโลกผ่านทาง Social Media มากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมีรายละเอียดให้เห็นได้ทั้งทางพฤติกรรม อุปนิสัย อารมณ์ ทัศนคติ ฯลฯ ซึ่งอาจมีผลมาถึงองค์กร เป็นห่วงคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตกับโลก Social ที่เหนียวแน่นขึ้นทุกวันค่ะ
หลายคนเปิดเผยตัวเองกันแบบไม่ยั้งคิด แล้วก็ต้องกลับมาติดกับดัก Social Media ที่ตัวเองวางเอาไว้ เสียดายกับหลายคนที่บุคลิกดี สดใส เก่ง ได้คะแนนดีในการสอบอย่างอื่น แต่กลับถูกคัดออก เพราะสิ่งที่ปรากฎอยู่ใน Social Media ที่สร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือตัวเอง คนที่กำลังจะถึงวัยทำงาน ต้องคิดให้จงหนัก ขอให้ตระหนักว่า….ฝ่ายบุคคลขององค์กรที่คัดเลือกพนักงานสมัยนี้ นอกจากดูประวัติที่กรอกมาในฟอร์มที่สมัคร และ Resume แล้ว เขายังตามไปดูใน Facebook Instagram Twitter ของคนที่เข้าสมัครในรอบท้าย ๆ ด้วย
บางคนเมื่อเข้าสอบสัมภาษณ์ ฉลาด พูดเพราะ ทัศนคติดี ฯลฯ ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในกลุ่มที่ผ่านแล้วละ แต่พอไปดูใน Facebook Instagram Twitter กลายเป็นคนละคน หยาบคาย พูดคำด่าคำ ฯลฯ เพราะคนเหล่านั้นคิดว่า สื่อโซเชียลเป็นพื้นที่ของตัวเอง จะคิด จะพูด จะปลดปล่อยอะไรก็เรื่องของตัว… แต่ทางบริษัทเขาไม่คิดอย่างนั้น เขามีหลักเกณฑ์ในการเลือกคนที่มีข้อบกพร่องน้อยที่สุด ถ้าคนที่เขา “ชอบ” กลับไม่ใช่คนที่เขาเห็นว่า “ใช่” หรือเห็นว่าไม่เหมาะกับคุณลักษณะงานที่บริษัทต้องการจริง ๆ จะมีโอกาสถูกร่นไปต่อท้ายคนอื่น หรือมีโอกาสถูกคัดทิ้งมากค่ะ…
บางตำแหน่ง เขาก็ให้ดูเรื่องที่มีรายละเอียดไปถึง การใช้ภาษา โดยเฉพาะการเขียนภาษาไทยผิด ๆ หากเป็นการคัดเลือกพนักงานด้านงานเอกสาร หรือเลขา จะตกทันที สิ่งที่ปรากฎอยู่ใน Social Media ยังบอกอุปนิสัยส่วนตัวของคนที่มาสอบได้ดี เช่น ทำไมตีสามแล้วยังไม่นอน ? รสนิยมกินหรูหรา ฟุ่มเฟือยเกินตัวหรือไม่ ? ชอบแชร์เรื่องชาวบ้านแต่ไม่เคยมีความคิดอะไรเอง ? ชอบลงรูปเซ็กซี่วาบหวิว ? และที่มาแรงมากตอนนี้คือ พวกที่ ชอบ Live โดยไม่บันยะบันยัง สิ่งเหล่านี้แหละค่ะ… คือคะแนนหมวดสุดท้าย ที่บางองค์กรนำมาพิจารณา โดยที่คนมาสมัครงานไม่รู้ จึงขอบอกคนที่กำลังจะไปสมัครงานตอนนี้ว่า… ให้ระวังต่อสิ่งที่ปรากฎอยู่ใน Social Media ของตนให้ดี เพราะจะมีผลต่อการพิจารณารับเข้าทำงานโดยตรง
ตั้งแต่บัดนี้ไป เราต้องไม่คิดว่า Social Media เป็นพื้นที่ส่วนตัว จะปล่อยของกันอย่างไร ก็เรื่องของตัวเอง คนอื่นไม่เกี่ยว ต้องคิดใหม่ค่ะ… เพราะชื่อ Social Media ก็แปลตรงตัวอยู่แล้ว ว่ามันเป็นสื่อสังคม มันเป็นพื้นที่ในอากาศ ที่ท่านสามารถนำสัพเพเหระไปทิ้งไว้ แล้วสังคมก็รับไปอ่านและรับรู้ได้ เราใช้ Social Media เป็นที่แสดงตัวตนของเรา มันคือหน้าบ้านของเรา แทนที่จะปล่อยให้เป็นไปอย่างไร้ทิศทาง ก็นำมาปรุงแต่งให้ดูดี ให้เป็นประโยชน์ต่อเราไม่ดีกว่าหรือ ใครจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ ต้องเอาใจใส่ดูแลมัน