สู่สังคมเลิกใช้กระดาษ​​ หลังจากที่องค์กรใหญ่ ๆ ที่เคยใช้กระดาษกันมาก

บทความพิเศษ

สู่สังคมเลิกใช้กระดาษ​

” หลังจากที่องค์กรใหญ่ ๆ ที่เคยใช้กระดาษกันมากมาย ปรับระบบการสื่อสารในองค์กรด้วยระบบ Internet และ Intranet ก็สามารถลดปริมาณการใช้กระดาษไปได้มาก “

Picture of ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​
ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​

เผยแพร่: 09 ม.ค. 2560

แชร์บทความนี้

มีการรณรงค์ให้งานส่วนใดที่ต้องใช้กระดาษ หากไม่เป็นทางการมาก ก็ให้ใช้กระดาษทั้ง 2 หน้า เกิดคำว่า “ใช้ 2 หน้าค่อยฆ่าทิ้ง” ไปติดไว้ ใกล้เครื่องถ่ายเอกสารทั่วองค์กร... ​

ไม่นานก็เกิดวัฒนธรรมองค์กรใหม่ที่สร้างนิสัย การใช้กระดาษให้คุ้มค่าส่งผลให้เกิดการประหยัดรายจ่ายขององค์กร โดยตรงยุคที่ สังคมเลิกกันว่า Paperless Society  เป็นวิสัยทัศน์ที่เกิดขึ้นเมื่อ ค.ศ. 1978 ในวันนี้ โลกกำลัง เดินใกล้ความ สมบูรณ์แบบเข้าไปทุกที การลดหรือเลิกใช้กระดาษนั้น ส่งผลถึงการลดค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อ จัดพิมพ์ได้พื้นที่เพิ่มในคลังพัสดุ สำนักงานโปร่งขึ้น ลดค่าใช้จ่ายพนักงานเดินเอกสารแล้วยังได้ผล CSR ในการลดการตัดต้นไม้ลดปริมาณขยะในโลกลดมลภาวะ จากสีหมึกสารเคมีที่ตกค้างในกระดาษ และการพิมพ์ และยังมีผลในเรื่องของคาร์บอนเครดิตสื่อ Online ส่งผลทำให้ Paperless Society โดยตรง

ไม่กี่วันมานี้สำนักพิมพ์ BarnesNoble ในอเมริกาประกาศวันยุติการพิมพ์หนังสือขายเป็นเล่มละจะเปลี่ยนเข้าสู่ธุรกิจ Electronic Book อย่างสมบูรณ์สร้างความตกใจให้กับคนที่หลงใหลกับบรรยากาศ ในร้านของบริษัทนี้ และรักหนังสือน่าอ่านของ บริษัทนี้กันไปตาม ๆ กัน ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะสื่อ Online ยังทำให้นิตยสารคู่บ้านคู่เมือง อย่าง “สกุลไทย” ต้องปิดตัวลงในการทำ หนังสือที่ต่อเนื่องมา 61 ปี และนิตยสาร Image ที่ออกมา 29 ปี ต้องยุติ การพิมพ์ฉบับกระดาษแล้วเปลี่ยนไปเป็น Electronic Book แทนไปด้วยแล้วโลกเคย นิยามกันว่าปริมาณการใช้ กระดาษเป็นดัชนีบอกถึงความเจริญของแต่ละประเทศ เพราะกระดาษส่วนใหญ่ ได้นำไปพิมพ์หนังสือ ซึ่งมีความเกี่ยวเนื่องกับตำราเรียน และการสื่อความรู้สาธารณะ

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่อธิบายนิยามนี้ได้อย่างแท้จริง คนญี่ปุ่นเป็นนักอ่านหนังสือตัวกลั่นญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียว ที่ผลิตหนังสือขนาด ที่เหมาะกับการยืนเบียดกันในรถไฟใต้ดินแล้ว สามารถเปิดอ่านได้สะดวกร้านหนังสือในญี่ปุ่น มีหนังสือทุกแนว… หนังสือพิมพ์กีฬา รายวัน และนิตยสารแม่บ้าน นั้นถือว่าเป็นจิตวิญญาณของคนญี่ปุ่น ส่วนการ์ตูนมังงะนั้นไม่ต้องพูดถึงเล่มหนาเป็นนิ้ว ผู้เขียนคิด ว่าน่าจะเป็นหนังสือการ์ตูนที่เล่มหนากว่าที่อื่นในโลก รวมไปถึงหนังสือการ์ตูนอีโรติกหลากรส

วันนี้…หนังสือพิมพ์ และนิตยสารในญี่ปุ่นเหล่านั้น ได้ปรับไปเป็นระบบ Online หมดแล้ว แต่ก็ยังรักษาฐานคนอ่านที่ เป็นฉบับพิมพ์ รูปแบบเดิมเอาไว้นิตยสารผู้หญิง และนิตยสารแม่บ้านได้เปลี่ยนรูปแบบของแถมที่เคยให้จูงใจ หนักมือกว่าเดิมการแถม CD/DVD นั้น ล้าสมัยไปแล้วแต่หันมาแถมกระเป๋า อุปกรณ์ทำครัว หรือแถม หนังสือพิเศษ ให้อีกเล่ม ฯลฯ มากับหนังสือจนเราอาจมองได้ อย่างก้ำกึ่งว่าเขากำลังขายนิตยสารแล้วแถมสินค้า หรือเขากำลังขาย สินค้าแถมนิตยสารกันแน่

การเพิ่มพลังการขายด้วยของแถมทำให้สิ่งพิมพ์ และนิตยสารฉบับกระดาษอยู่รอดแต่ก็ทำให้หนังสือหนาหนัก ต้องมีเชือกมัดไม่ให้ ของแถมหลุดวางแผงไม่ได้ต้องนำมาวางที่พื้นซ้อนกันสูงขึ้นมาท่วมเอวความคิดในห้วง เวลาของการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยยังไม่ลงตัว มันจะยังเคลื่อนไปข้างหน้าอีกดูแล้วสนุกการหนีไปสู่ Paperless Society เป็นการปรับเปลี่ยนตัวครั้งใหญ่อีกครั้งของมนุษยชาติ  แล้วโลกจะเป็นไม่เหมือนอย่างที่เคยเป็นอีกแน่นอน