Coca.. ที่เทือกเขาแอนดีส สมัยนี้อะไร ๆ ที่นำมาชงกับน้ำร้อน

บทความพิเศษ

Coca.. ที่เทือกเขาแอนดีส​

Coca.. ที่เทือกเขาแอนดีส

สมัยนี้อะไร ๆ ที่นำมาชงกับน้ำร้อนจะถูกเรียกว่า “ชา” ได้หมด ไม่จำเป็นต้องเป็น Black Tea / Green Tea ที่ทำจากใบชาแท้ ๆ  อีกต่อไป “

Picture of ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​
ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​

เผยแพร่: 09 มี.ค. 2560

แชร์บทความนี้
Picture of ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​
ม.ล.อัจฉราพร สุขสวัสดิ์​

เผยแพร่: 09 มี.ค. 2560

แชร์บทความนี้

เมื่อมีชาหลากหลายกว่าแต่ก่อน ในศาสตร์แห่งชาปัจจุบัน จึงมีการจัดการจัดหมวดหมู่ชาให้เป็นระบบมากขึ้น

ในวิชาบุคลิกภาพ เมื่อพูดถึงเรื่อง ชา ในวัฒนธรรมต่าง ๆ นั้นสนุกค่ะ และมีรายละเอียดที่น่าสนใจไม่น้อยไปกว่ากาแฟ หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ การเดินทางไปบริเวณเทือกเขาแอนดีส ผู้เขียนได้พบกับชาอีกอย่างหนึ่งเรียกว่า Mate de Coca หรือ Coca Tea ก็คือ ชาที่ทำจากใบโคคา ส่งเข้าไปอยู่ในหมวด Herbal Tea ก็แล้วกันนะคะ
ทุกมื้อเช้าในเขตเทือกเขาแอนดีส เราจะพบกับเครื่องดื่มประจำถิ่นอย่างหนึ่ง คือ Mate de Coca หรือ Coca Tea กินอยู่สิบกว่าวัน บางวันก็หลายถ้วย ที่พักหลายแห่ง นำใบโคคา ที่เพิ่งผ่านการตากแดดให้แห้ง บางแห่งก็บรรจุเป็นแบบถุงหรือซอง เหมือนกับชาทั่วไปมาวางใส่ภาชนะ และมีน้ำร้อน พร้อมให้เราชงชาโคคาได้ตลอดเวลา

การกิน Coca Tea ก็ทำได้ง่าย ๆ โดยการหยิบใบโคคาที่เพิ่งแห้ง หรือโคคาแบบซอง ใส่ถ้วยแล้วก็ใส่น้ำร้อน ทิ้งไว้สักนาที แล้วกินได้เลยค่ะ ไม่ต้องเติมน้ำตาล นม หรือมะนาว ใด ๆ ทั้งสิ้น ซึ่งก็เหมือนกับการกิน Herbal Tea เช่น ชา วานิลลา เบอร์รีต่าง ๆ ตะไคร้ หม่อน ฯลฯ รสชาติ Coca Tea ก็เป็นรสใบไม้ชนิดหนึ่ง ไม่เปรี้ยว ไม่หวาน ไม่ขม …แต่ออกฝาดนิด ๆ เรากิน Coca Tea เพราะคิดว่าช่วยคลายอาการ Altitude Sickness หรืออาการแพ้ความสูง อันเนื่องมาจากความดันอากาศ และปริมาณออกซิเจนที่ลดลง เนื่องจากเราอยู่บนเมืองที่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 2,000–4,000 ม. ทุกวัน

การกิน coca โดยนำใบโคคาที่แห้งมาใส่ถ้วย แล้วเติมน้ำร้อน

ในทางการแพทย์เขาก็ยังไม่ยืนยันว่าการกิน Coca Tea ช่วยคลายอาการ Altitude Sickness อาจเป็นสารนิโคตินใน Coca Tea ต่างหากที่ทำให้ประสาทเราตื่นตัวขึ้น แต่ที่แน่ ๆ คือการกินเครื่องดื่มร้อน ๆ ในสภาพภูมิศาสตร์อย่างนี้รู้สึกว่าดีค่ะ

โคคา เป็นพืชประจำถิ่นที่อเมริกาใต้ ขึ้นได้ดีทั่วไปตามลาดภูเขาของเทือกเขาแอนดีส โคคามีความผูกพันกับคนพื้นเมืองที่นั่นมานาน จนกลายเป็นวัฒนธรรมไปแล้ว ประเทศในอเมริกาใต้ ซึ่งมีต้นโคคาอยู่มากในขณะนี้ คือ อาร์เจนตินา โบลิเวีย โคลอมเบีย และเปรู โดยเปรูนั้น ถือว่าเป็นประเทศที่มีต้นโคคาอยู่มากที่สุด เราจะเห็นชาวบ้าน และคนเลี้ยงสัตว์ทั่วไปในเขตแอนดีส มีกระเป๋าติดตัวใบเล็ก ๆ เหมือนกระเป๋าใส่ยาเส้น คาดเอวใส่ใบโคคาแห้งไว้เคี้ยวและเมี่ยง
คนท้องถิ่นในเขตแอนดีส ตั้งแต่บรรพกาลมาจนถึงปัจจุบันนี้ ถือว่าใบโคคาเป็นพืชศักดิ์สิทธิ์ บรรดาพวกหมอชาวบ้าน ซึ่งทำพิธีติดต่อทางจิตวิญญาณ และรักษาโรค ต้องใช้ใบโคคาเข้าประกอบในพิธีกรรมเพื่อรักษา ถือว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ อาจเปรียบได้กับหมากพลูของเมืองไทย
บริเวณเทือกเขาแอนดีส มีพืชตระกูลโคคาอยู่มากมายหลายสิบ หรืออาจเป็นร้อยชนิด แต่ที่นำมาเคี้ยวมีอยู่ 2-3 ชนิดเท่านั้น คนแถวแอนดีสเคี้ยวใบโคคา เพราะทำให้เขารู้สึกกระชุ่มกระชวย ซึ่งน่าจะมาจากสารนิโคติน เพราะแรกทีเดียวในห้องทดลองพบว่า ในใบโคคามีสารนิโคติน ช่วยกระตุ้นให้คนกระชุ่มกระชวยจากอาการพร่องออกซิเจนได้ แต่ต่อมา ในห้องทดลองได้พบเพิ่มเติมว่า ใบโคคานั้น มีสาร Alkaloid ซึ่งสามารถนำไปเป็นสารตั้งต้น ในการผลิตโคเคน ซึ่งให้ผลเป็นสารเสพติดชนิดหนึ่ง แล้วใบโคคาก็ได้กลายเป็นผู้ร้ายตัวจริงมาตั้งแต่บัดนั้น
เอ้า… แล้วพวกเราที่กินชาโคคาต่อเนื่องอยู่หลายวัน บางวันก็หลายถ้วยจะมีผลอย่างไรบ้างล่ะ จากการค้นเข้าไปทางสื่อออนไลน์ จึงได้พบข้อมูลชิ้นหนึ่งว่า น้ำที่ชงใบโคคาร้อน 1 ถ้วย จะมีสาร Alkaloid ออกมาได้ราว 4.2 ม.ก. ในปริมาณนี้เป็นเพียงสารกระตุ้นอ่อน ๆ เทียบได้กับชาหรือกาแฟหนึ่งถ้วย แต่ในปริมาณการดื่มขนาดนี้ เมื่อมีการทำ Drug Test จะให้ผลเป็นบวกได้
การดื่มหรือเคี้ยวใบ Coca Tea ในทวีปอเมริกาใต้… อาร์เจนตินา เอกัวดอร์ ชิลี โคลอมเบีย โบลิเวีย เปรู เป็นการกระทำตามวัฒนธรรมที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย นั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาในทวีปอเมริกาใต้ แต่การกระทำอย่างนี้หากขยับขึ้นไปในทวีปอเมริกาเหนือจะกลายเป็นคนละเรื่อง การครอบครองต้นโคคา ใบโคคา หรือแม้แต่ Coca Tea กลายเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายในสหรัฐอเมริกา
แต่ก็แปลกค่ะ… ในอีกด้านหนึ่ง อเมริกาก็ยังเป็นผู้นำเข้าใบโคคารายใหญ่ของโลก หมายถึง ทั้งการนำเข้าที่มีการรับรองว่าถูกกฎหมาย และการลักลอบนำเข้าใบโคคาที่แปรรูป เป็นโคเคนที่ผิดกฎหมาย บริษัท Stepan Company ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่ ในสหรัฐ ที่อยู่เบื้องหลัง แชมพู ผงซักฟอก ยาสีฟัน และเครื่องสำอาง หลายยี่ห้อ เป็นผู้นำใบโคคาเข้าสหรัฐอย่างถูกกฎหมายรายสำคัญ
Stepan Company นำใบโคคาแห้งจากเปรูเข้าสหรัฐ ปีละราว 100 ตัน เพื่อทำการสกัดสารแต่งรสผสมเครื่องดื่มให้กับบางบริษัท ส่วน Alkaloid ที่ได้จากการสกัดออกจะไม่ทิ้ง แต่จะส่งขายให้กับบริษัทที่ผลิตยาทางการแพทย์ สิ่งที่คนกังวล และเป็นปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย ในขณะนี้ คือ การลักลอบนำเข้าใบโคคาที่แปรสภาพเป็นโคเคน ซึ่งถือว่าเป็น ยาเสพติด ที่แพร่หลายชนิดหนึ่งในโลก สำหรับตลาดกลุ่ม A และ A+
ขบวนการผลิต และค้าโคเคนนั้น ซับซ้อนแต่ผลประโยชน์มหาศาล และเห็นผลในเวลารวดเร็ว จึงทำให้เกิดขบวนการอาชญากรรม ที่ดึงคนเข้าเสี่ยงเข้าไปตายอย่างต่อเนื่อง นี่คือเหตุผล ที่ทำให้การปลูกต้นโคคาในเขตเทือกเขาแอนดีส มีดาษดื่นอย่างคงเส้นคงวา
เรื่องของยาเสพติด ยังเย้ายวนให้เกิดขบวนการอิทธิพลทุกแห่งในโลก ที่บ้านเราเมื่อไม่กี่วันก็คงเห็น ที่ตำรวจไทยใช้เวลารอคอยตะครุบตัวนักค้ายาเสพติดระดับโลกคนหนึ่งอยู่ 5 ปี และก็ทำได้สำเร็จที่สนามบินสุวรรณภูมิ ที่อเมริกาใต้ก็เช่นกันค่ะ เราคงจำชื่อเจ้าพ่อยาเสพติดชาวโคลอมเบียคนหนึ่งที่ชื่อ Pablo Escobar ได้ใช่ไหมคะ